วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บริษัท MeDee จำกัด

บริษัท MeDee จำกัด


ความเป็นมา
               บริษัท Medee จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 12/1 หมู่ 6 ถ.เพชรเกษม ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110 โทร 08-8563-3748 บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้น ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 โดยกลุ่มผู้บริหารตระกูลเจริญทรัพย์ เพื่อผลิตผลไม้กระป๋องบริโภค ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทางด้านการผลิตให้มีคุณภาพและความสะอาด การคัดเลือกวัตถุดิบที่ต้องให้ได้มาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐาน ISO9002 ที่ให้สำหรับการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและ ISO14001 สำหรับโรงงานที่มีการจัดการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มอก.18000 มอบให้กับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้บริหาร  และพนักงานทุกท่านภาคภูมิใจเสมอมา และมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานอย่างเคร่งครัดโดยยึดถือสโลแกนที่ว่า"มุ่งสู่โลกกว้าง สร้างมาตรฐานสินค้า รักษาสิ่งแวดล้อม" ยังคงขยายการผลิตอย่างไม่หยุดยั้ง  เห็นได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ลักษณะการทำงานในระบบเดิม
             เมื่อก่อนแต่ละแผนกเวลาจะเก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็นรายชื่อพนักงาน สินค้าเข้า-ออก บัญชีรายรับ-รายจ่าย  และฐานข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้  ก็ต้องใช้การจดบันทึกทุกอย่าง ส่วนในด้านการผลิตสินค้าก็ไม่มีเครื่องมือช่วยต้องใช้แรงงานพนักงานทั้งสิ้นตั้งแต่นำวัตถุดิบเข้ามาแล้วทำการแปรรูป ขบวนการผลิต รวมไปถึงการบรรจุภัณฑ์จนการเคลื่อนย้ายของไปเก็บในคลังสินค้า  ส่วนในด้านการเก็บวัตถุดิบไม่สามารถสั่งเข้ามาเก็บไว้กักตุนไว้ได้ เพราะไม่มีที่สำหรับแช่เย็นไว้  ส่วนในด้านการเก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว มักจะมีปัญหากับของล้นคลังหรือสินค้าขาดสต็อก อาจเกิดมาจากความผิดพลาดของพนักงาน ส่วนในด้านรายรับรายจ่าย เนื่องจากเราไม่มีระบบการคิดคำนวนโดยตรงจึงทำให้ข้อมูลที่เก็บไว้ อาจมีข้อผิดพลาดไม่ตรงกับรายรับรายจ่ายจนทำให้รายรับรายจ่ายที่คิดออกมาผิดไป รวมไปถึงการจ่ายเงินให้แก่พนักงานแต่ละฝ่ายเราจะเสียเวลากับการต้องมานั้นจ่ายเงินให้แต่ละคนโดยตรง แทนที่จะมีระบบออนไลน์เข้าบัญชีธนาคาร ส่วนด้วยการบันทึกการเข้าออกของพนักงานก็ต้องใช้การจดบันทึก เพราะเราไม่มีหลักฐานยืนยันเมื่อพนักงานเกิดการร้องเรียนเรื่องเงินที่ออกมา และการคำนวณเงินเดือนแต่ละเดือนที่ออกมาอาจไม่ถูกต้องแม่นยำที่สุดตามที่คิดไว้

ภารกิจหลักของบริษัท
       1. พัฒนารสชาติของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ถูกปากผู้บริโภค
       2. ผลิตสินค้าให้ออกมาตรงตามใจผู้บริโภคให้มากที่สุด
       3. ผลิตสินค้ามาให้พอกับความต้องการของผู้บริโภค

วัตถุประสงค์ของบริษัท
       1. เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าและเกิดที่ความพึงพอใจของลูกค้า
       2. เพื่อให้สินค้าที่ผลิตภัณฑ์มีความสะอาด อร่อย และถูกหลักอนามัย
       3. เก็บถนอมและปรุงแต่ง(แปรรูป)ผลไม้ให้ได้มากที่สุด

เป้าหมายของบริษัท
       ต้องการผลิตผลไม้กระป๋องออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด


                    แผนผังการจัดการองค์กร บริษัท MeDee จำกัด


หน้าที่และปัญหาของแต่ละแผนก
       
          1. แผนกจัดชื้อ
              - จัดซื้อ จัดหา จัดจ้าง วัตถุดิบ  อุปกรณ์  เครื่องบรรจุภัณฑ์
              - จัดหาผู้ขายสินค้าผู้ส่งสินค้ารายใหม่ๆ
              - เปิดเอกสารใบขอซื้อ/ใบสั่งซื้อ จัดใบขอราคา/สืบราคา
ปัญหาของแผนกจัดซื้อ คือ 
              - ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
              - บิลสั่งของอาจหล่นหายจนเช็คของคลาดเคลื่อน
              - บางครั้งสั่งไม่ตรงตามที่ต้องการ
                       
            2. แผนกคลังวัตถุดิบ
                 - ควบคุมและประสานงานด้านวัตถุดิบ
                 - เตรียมวัตถุดิบเพื่อเข้าสู่ขบวนการคัดแยก
ปัญหาของแผนกคลังวัตถุดิบ คือ
                 - วัตถุดิบล้นคลัง
                 - วัตถุดิบที่เข้ามามีเวลาอยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ได้อุณหภูมิ
                 - เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
       
            3. แผนกคลังสินค้า
                 - วางแผนควบคุมบริหารการสั่งซื้อวัสดุใช้งานทั่วไป ภาชนะบรรจุบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
                 - การจัดหาพื้นที่เช่าเพิ่มเติมให้สามารถรับปริมาณสินค้า
                 - วางแผนควบคุมการปิดฉลาก หีบห่อสินค้า เพื่อส่งออกหรือส่งขายได้ทันเวลาที่ลูกค้า
 ปัญหาของแผนกคลังสินค้า คือ
                 - ทำให้ยุ่งยากต่อพนักงานในการเช็คของ
                 - ในแต่ละคนปิดฉลากไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน ทำให้ฉลากที่ออกไปนั้นไม่สมบูรณ์และไม่                             เหมือนกัน


             4. แผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์
                 - ผลิตและบรรจุภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
                 - ต้องรักษาความสะอาดอย่าให้มีอะไรปนเปื้อนในการบรรจุภัณฑ์
ปัญหาของแผนกผลิต คือ
                 - ในการบรรจุในแต่ละครั้งได้ปริมาณไม่เท่ากัน
                 - สินค้าที่ต้องผลิตเยอะทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคนทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
                 - ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
                 -  ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
                 - ในการบรรจุภัณฑ์รวมถึงการปิดฝาต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะอาจเกิดอันตรายได้
           
             5. แผนกควบคุมคุณภาพ
                  - ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะส่งออกไปขาย
                  - การวิเคราะห์คุณภาพทางเคมีและแบคทีเรียของผลิตภัณฑ์
ปัญหาของแผนกควบคุมคุณภาพ คือ
                  - ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาจไม่ทั่วถึง ทำให้บางทีสินค้าไม่มีคุณภาพและไม่เพียงพอ                            ออกจำหน่าย
                  - ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
     
              6. แผนกขนส่ง
                  - ตรวจสอบรายการสินค้าก่อนนำไปส่งจำหน่าย
                  - ขนส่งสินค้าออกไปส่งจำหน่าย
ปัญหาของแผนกขนส่ง คือ
                  - ในการขนส่งบางทีรถที่บรรทุกไปไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดการกระแทกจนกระป๋องบุบได้
                  - ตรวจเช็คได้ยากบางทีสินค้าที่จะส่งไปในบริเวณใกล้เคียงกันทำให้เสียเวลา
                  - ในการขนย้ายของขึ้นรถของอาจตกหล่นลงได้



             7. แผนกการตลาด
                  - สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
                  - วางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มและขยายส่วนครองตลาด
                  - หาช่องทางการขายสินค้าให้ได้มากที่สุด
                  - ประชาสัมพันธ์สินค้า
ปัญหาของแผนกการตลาด คือ
                  -ไม่สามารถประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
                  - รู้ข่าวสารในตลาดกลางได้ช้า

           8. แผนกบัญชีและการเงิน
                - เปิดใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้
                - จัดทำใบวางบิลค่าสินค้า/ค่าขนส่งสินค้าและบริการอื่น
                - ตรวจสอบการรับเงินโอน เช็ค เงินสด ออกใบเสร็จรับเงิน
                - จัดทำรายงานทางการเงินและบัญชี
ปัญหาของแผนกบัญีและการเงิน คือ
                - อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
                - ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
                - ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้

            9. แผนกรักษาความปลอดภัย
                - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ปกป้องดูแลชีวิต และทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างไม่ให้ได้                      รับความสูญเสีย
                - ป้องกันอัคคีภัย ผู้บุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้าม ป้องกันการโจรกรรม และอาชญากรรม การ                         สูญเสียอื่นๆ
ปัญหาของแผนกรักษาความปลอดภัย คือ
                 - เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
                 - เมื่อเกิดปัญหา ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
                 - ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้      

            10. แผนกบุคลากร
                  - จัดหาและคัดเลือกพนักงานที่เข้ามาทำงาน
                  - ทำทะเบียนพนักงาน เก็บประวัติพนักงาน
ปัญหาของแผนกบุคลากร คือ
                  - พนักงานไม่สามารถตรวจสอบตารางการทำงานผ่านทางอื่นได้
                  - ไม่สามารถรู้ถึงจำนวนพนักงานที่ต้องการรับได้
                  - ไม่สามารถสืบค้นประวัติพนักงานย้อนหลังได้

ปัญหาระหว่างแผนก

ปัญหาระหว่างแผนกจัดซื้อกับแผนกคลังวัตถุดิบ
                คือถ้าหากไม่ทราบยอดที่แน่นอนจากคลังวัตถุดิบว่าต้องการของเท่าไรแผนกจัดซื้อก็ไม่แน่ชัด สั่งของเข้ามาอาจไม่พอตามที่ต้องการ

ปัญหาระหว่างแผนกการตลาดกับแผนกคลังสินค้า
                คือหากแผนกการตลาดไม่เช็คท้องตลาดอยู่บ่อยๆสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าก็จะล้นสต๊อกได้

ปัญหาระหว่างแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์กับแผนกคลังสินค้า
               คือหากการผลิตและบรรจุภัณฑ์เอาแต่ผลิตไม่สนใจว่าคลังสินค้ามีสินค้าในคลังเท่าไรทำให้สินค้าล้นสต็อกได้



ปัญหาระหว่างแผนกการตลาดกับแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์
                คือหากการตลาดรู้ว่าตลาดต้องการของจำนวนมากกว่าปกติถ้าแผนกผลิตและบรรจุภัณฑ์ไม่รีบเร่งผลิตก็ทำให้เกิดการเสียดุลการค้าไปได้

ปัญหาระหว่างแผนกบัญชีและการเงินกับแผนกบุคลากร
                คือหากบริษัทเกิดภาวะไม่มีของที่ผลิตไปขายไม่ได้แล้วถ้าแผนกบุคลากรรับคนเข้ามาเยอะจะทำให้แผนกบัญชีและการเงินต้องเสียค่าแรงงานเพิ่มขึ้น

สรุปปัญหาทั้งหมด
      1. ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
      2. บิลสั่งของอาจหล่นหายจนเช็คของคลาดเคลื่อน
      3. บางครั้งสั่งไม่ตรงตามที่ต้องการ
      4. เมื่อผู้ขายสินค้าเจ้าเก่าส่งสินค้ามาไม่พอแผนกจัดสั่งซื้อของจำเป็นต้องหาผู้ขายสินค้ารายใหม่               อย่างรวดเร็ว
      5. วัตถุดิบล้นคลัง
      6. วัตถุดิบที่เข้ามามีเวลาอยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ได้อุณหภูมิ
      7. เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
      8. ในการลำเลียงวัตถุดิบไปยังการบรรจุภัณฑ์ทำให้ของเสียหายได้
      9. เสียเวลาในการลำเลียงของออกจากคลัง เพราะของมีปริมาณมาก
    10. ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
    11. ในการบรรจุในแต่ละครั้งได้ปริมาณไม่เท่ากั
    12. ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
    13. ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
    14.ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
    15. ต้องใช้พนักงานจำนวนมากในการเคลื่อนย้ายของขึ้นรถ
    16. ตรวจเช็คได้ยาก บางทีสินค้าที่จะส่ง ไปในบริเวณใกล้เคียงกันทำให้เสียเวลา
    17. ในการขนย้ายของขึ้นรถของอาจตกหล่นลงได้
    18. ต้องไปประเมินความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าด้วยตัวเอง
    19. ไม่สามารถประชาสัมพันธ์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
    20. รู้ข่าวสารในตลาดกลางได้ช้า
    21. อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
    22. จ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานได้ยาก
    23. ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
    24. สืบค้นบัญชีย้อนหลังได้ยาก
    25. ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้
    26. เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
    27. เมื่อเกิดปัญหา เช่น ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
    28. ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้
    29. พนักงานไม่สามารถตรวจสอบตารางการทำงานผ่านทางอื่นได้
    30. ไม่สามารถรู้ถึงจำนวนพนักงานที่ต้องการรับได้



การใช้ระบบต่างๆในการแก้ปัญหา มีหัวข้อดังต่อไปนี้
1.ระบบจัดการคลังสินค้า
     -  ในแต่ละเดือนไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าบริษัทสั่งสินค้าจำนวนเท่าไร ราคา มากเท่าไร
     -  เสียเวลาในการคัดแยกวัตถุดิบ
     -  สินค้าที่ออกไปนั้นเกิดความเสียหายได้
     -  เสียเวลาในการลำเลียงของออกจากคลัง เพราะของมีปริมาณมาก
2.ระบบคำนวณเงินเดือน
     -  ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
     -  สินค้าที่ต้องผลิตเยอะ ทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
     -  จ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานได้ยาก
3.ระบบบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย
     -  เมื่อผู้ขายสินค้าเจ้าเก่าส่งสินค้ามาไม่พอแผนกจัดสั่งซื้อของจำเป็นต้องหาผู้ขายสินค้ารายใหม่               อย่างรวดเร็ว
    -  อาจเกิดข้อผิดพลาดเรื่องเงินได้สูง
    -  ในการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายทำได้ยาก
    -  ใบกำกับภาษี/ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ไม่ชัดเจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้
4.ระบบบริหารสารสนเทศพนักงาน
    -  ในการปิดฉลาก ปิดหีบสินค้าล้าช้าและสิ้นเปลืองแรงงาน
    -  สินค้าที่ต้องผลิตเยอะ ทำให้ต้องจ้างพนักงานมาหลายคน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและเวลา
    -  ทำให้เกิดการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
    -  ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปิดฝานั้นไม่มีความคงทนและแข็งแรงเพียงพอ
    -  ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดได้ยากเช่น กระป๋องขึ้นสนิม เป็นต้น
5.ระบบป้องกันภัย
    -  เมื่อมีคนบุกรุกจะดูแลไม่ทั่วถึง
    -  เมื่อเกิดปัญหา เช่น ไฟไหม้ มีผู้บุกรุก หรือมีคนขอความช่วยเหลือทำให้ติดต่อสื่อสารกันยาก
    -  ไม่สามารถบันทึกการเข้าออกภายในบริษัทได้

ลักษณะการทำงานในระบบใหม่
                1. ในส่วนของการตลาด
                      - มีการบันทึกข้อมูลรายละเอียดสินค้า และราคาสินค้าลงในฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการอ้างอิงและเรียกใช้ข้อมูลเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น
                      - ใช้เครื่องอ่านรหัสแถบ อ่านรหัสแถบเพื่อการจำแนกสินค้า และดึงข้อมูลราคาสินค้าจากฐานข้อมูลมาประมวลผล แทนการจดรายการสินค้าด้วยมือแบบเก่า
                      - ข้อมูลรายการสินค้า และยอดรวมราคาสินค้า (ใบเสร็จ) จะมีการจัดพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์
                2. ในส่วนของการจัดการสินค้าคงคลัง
                      - ข้อมูลรายการสินค้า รายละเอียดสินค้า ความเคลื่อนไหวของสินค้า (ยอดขาย) และข้อมูลแหล่งสินค้าจะถูกบันทึกในฐานข้อมูล
                      - มีโปรแกรมอำนวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูล แก้ไขปรับเปลี่ยน และการเพิ่มข้อมูล
                      - มีโปรแกรมประมวลผลยอดขายสินค้า เพื่อการจำแนกความสำคัญของสินค้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับการควบคุมสินค้า
                3. ในส่วนของพนักงา
                       - ทำการบันทึกประวัติของพนักงานโดยเก็บเป็นฐานข้อมูล
                       - มีการให้ Username, Password  แก่พนักงานในการเข้าถึงข้อมูล
                 4. ในส่วนของเจ้าของบริษัท
                       - สามารถดูยอดขายของแต่ละวันเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการสั่งซื้อสินค้า
                       - สามารถดูข้อมูลของพนักงานได้

ขั้นตอนที่ 1
การค้นหาและเลือกสรรโครงการและการประเมินความต้องการของบริษัท

การประเมินความต้องการของบริษัท

                   ตารางแสดงรายการ การทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร
ตารางแสดงรายการ การทำงาน (Functions) หรือกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร

แสดงความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่และหน่วยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (Function-to-Data Entities)

การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานค้นหาและสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งาน

ทีมงานได้สร้างแนวทางเลือกต่าง ๆ ก่อนที่จะทำ การเปรียบเทียบในแต่ละแนวทางเลือก มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ทาง เพื่อให้ผู้บริหารพิจารณาว่าควรเลือกวิธีการพัฒนาและติดตั้งระบบใดที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้
    ทางเลือกที่ 1 การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software)
    ทางเลือกที่ 2 ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing)
    ทางเลือกที่ 3 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development)
นอกจากนี้ ทางทีมงานได้จำ ลอง (Model) รูปแบบการนำ เสนอแนวทางเลือกที่ดีที่สุด สำ หรับพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานบุคคล (Personal Information System: PIS) ดังรูป

แนวทางเลือกที่ 1
การจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Packaged Software) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้

การประเมินแนวทางเลือกที่ 1
การประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้นํ้าหนัก(คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4  ระดับ ดังนี้
       นํ้าหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100 – 90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
       นํ้าหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89 – 70   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
       นํ้าหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69 – 50   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
       นํ้าหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49 – 30   เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง

         ซึ่งผลจากการประเมิน โดยการให้น้ำหนักหรือคะแนนของทีมงาน ปรากฏผลดังต่อไปนี้

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 1
จากการประเมินสามารถสรุปได้ว่าจะนำซอฟต์แวร์ A มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด จึงเห็นสมควรว่าให้นำแนวทางเลือกนี้ไปเปรียบเทียบในขั้นตอนต่อไป

แนวทางเลือกที่ 2: ว่าจ้างบริษัทจากภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ (Outsourcing) มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้ 

การประเมินแนวทางเลือกที่ 2 
ใช้เกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เช่นเดียวกันกับแนวทางเลือกที่ 1 ปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 2
               จากการประเมินสามารถสรุปได้ว่าเลือกบริษัท B  เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด จึงเห็นสมควรว่าให้นำแนวทางเลือกนี้ไปเปรียบเทียบในขั้นตอนต่อไป


การประเมินแนวทางเลือกที่ 3 
 ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังตารางต่อไปนี้

สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3
            จากการพิจารณาสามารถสรุปได้ว่าทางทีมงาน มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำ ไว้เป็น TOR โดยใช้ระยะเวลาดำ เนินการจำนวนทั้งสิ้น 6 เดือน และมีค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลา ค่าเบ็ดเตล็ด และค่าสำ รองฉุกเฉิน เป็นต้นรวมทั้งสิ้น 250,000 บาท

เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้งสาม
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำ เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณาเลือกแนวทางทั้งสามตามที่ได้นำโดยมีรายละเอียดดั้งตารางนี้
ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
จากข้อเสนอแนะแนวทางเลือกทั้งสามได้ทำการเปรียบเทียบเพื่อให้ผู้บริหารได้ตัดสินใจได้ผลดังตารางต่อไปนี้

สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
              ได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ (In-House Development) เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานและความคุ้มค่าใช้ในการลงทุนแล้ว


แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
หลังจากโครงการพัฒนาระบบงานฝ่าย ได้รับการอนุมัติแล้ว ทีมงานพัฒนาระบบจึงได้วิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบโดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล ดังนี้

Context Diagram ระบบจัดการสินค้าคลัง


Dataflow diagram ( Level 0 ) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง

 Dataflow diagram ( Level 1) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง



 Dataflow diagram ( Level 2) ระบบจัดการสินค้าคงคลัง

ER Diagram ระบบจัดการสินค้าคงคลัง


รูปแบบหน้าจอโปรแกรม

ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
(System Requirements Determination)

การกำหนดความต้องการของระบบ
                เมื่อระบบการผลิตได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา  และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นเพื่อค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว  ในขั้นตอนการวิเคราะห์ระบบ  จึงเริ่มต้นด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม  ซึ่งรวมทั้งรายละเอียดในการทำงานในปัจจุบันและความต้องการในระบบใหม่  เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม

ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้  ทีมงานเลือกใช้วิธีการออกแบบสอบถาม(Questionnaire)  สำหรับวิธีการออกแบบสอบถาม   ทีมงามสามารถกำหนดคำถามที่ต้องการได้ตรงประเด็นเหมาะกับผู้จัดการแผนกที่มีเวลาให้สัมภาษณ์น้อยและผู้ตอบแบบสอบถามมีอิสระในการให้คำตอบ       ซึ่งบุคคลที่ทางทีมงานเลือกที่จะออกแบบสอบถามมีดังนี้

ออกแบบสอบถาม (Questionnaire)  
                บุคคลที่ตอบแบบสอบถาม คือ  ผู้จัดการแผนกต่าง ๆ การใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในส่วนที่ต้องการพัฒนา  เนื่องจากทีมงานสามารถควบคุมหัวข้อคำถามที่ต้องการรายละเอียดได้มากกว่าการสัมภาษณ์  ไม่ต้องมีการจดบันทึก  ดังเช่น  วิธีการสัมภาษณ์  ซึ่งจะทำให้เสียเวลามาก  ไม่รวบกวนเวลาของผู้จัดการมากนัก  สามารถเก็บข้อมูลได้มาก  ตามการตั้งคำถามในแบบสอบถามอีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกมีอิสระในการให้ข้อมูลดังตัวอย่าง

จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบเดิม ด้วยวิธีการออกแบบสอบถาม สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้

                1. ข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของระบบเดิม
                2. ความต้องการในระบบใหม่
                3. ตัวอย่างเอกสาร แบบฟอร์ม และรายงายของระบบเดิม

ความต้องการของผู้ใช้กับระบบงานใหม่
         จากการรวบรวมความต้องการของระบบใหม่ทำให้ทีมงานได้ข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้นำมาวิเคราะห์หาขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ตามความต้องการดังนี้
                1. เก็บข้อมูลสินค้าที่ผลิต
                2. เก็บข้อมูลวัสดุที่ใช้ในการผลิต
                3. เก็บข้อมูลการสั่งซื้อวัสดุที่ใช้ในการผลิต
                4. รายงานข้อมูลสินค้า
                5. ช่วยวางแผนการผลิต
                6. ช่วยเลือกบริษัทที่จะสั่งซื้อวัสดุในการผลิต
ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ (Process  Modeling)
จำลองขั้นตอนการทำ งานของระบบ
(System Requirement Structuring)

                  หลังจากโครงการพัฒนาระบบงานฝ่าย ได้รับการอนุมัติแล้ว ทีมงานพัฒนาระบบจึงได้วิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้จากผู้ใช้ระบบโดยสามารถจำลองได้ด้วยแผนภาพกระแสข้อมูล ดังนี้

อธิบาย Context Diagram
ลูกค้า
                - ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิก
                - จัดเก็บข้อมูลลูกค้าจากการสมัคร
                - ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า
                - ลูกค้าส่งรายการสั่งซื้อสินค้าให้พนักงาน
                - ลูกค้าสามารถโอนเงินผ่านธนาคาร
                - ลูกค้าส่งใบ Fax Payment เข้ามายังบริษัท
พนักงาน
                - ออกใบเสร็จรายการสั่งซื้อสินค้า
                - สำเนาใบเสร็จรายการสั่งซื้อสินค้า
                - รับใบ Fax Payment จากลูกค้า
                - ตรวจสอบใบ Payment
                - พิมพ์ใบเสร็จรับเงิน
                - ส่งสำเนาใบเสร็จรายการสั่งซื้อสินค้าไปยังคลังสินค้า
คลังสินค้า
                - จัดของตามสำเนารายการสั่งซื้อสินค้า
                - เรียกดูข้อมูลลูกค้า
                - ออกใบส่งสินค้า
                - จัดส่งสินค้าให้ลูกค้า


อธิบาย DFD Level 1

1.ฝ่ายการตลาดและการขาย
                - เรียกดูรายงานข้อมูลสินค้าที่ผลิต
2.ฝ่ายการผลิต
                -  ต้องการทราบว่าให้ผลิตสินค้าชนิดใดเพิ่ม
                -  ต้องการทราบยอดสินค้าที่ผลิต
                -  แจ้งยอดสินค้าต่อฝ่ายผลิต
                -  บอกว่าต้องการชนิดใดเพิ่ม
                -  รายงานกิจกรรมทางการตลาด
3.ระบบพิมพ์งาน
                - นำข้อมูลจากระบบการผลิตมาทำรายงาน
                - นำข้อมูลจาก D1 มาทำรายงานส่งให้กลับฝ่ายการตลาดและการขาย
4.ฝ่ายคลังสินค้า
                -  ต้องการทราบจำนวนสินค้าที่ผลิต
                -  ระบบรายงานจำนวนสินค้าต่อฝ่ายคลังสินค้า
5.ฝ่ายบัญชี
                - นำข้อมูลจาก D2 , D3 มาจัดการข้อมูล
6.ระบบจัดการข้อมูล
                - นำข้อมูลจากฝ่ายการตลาดและการขาย,ฝ่ายการผลิต,ฝ่ายคลังสินค้ามาเก็บไว้ใน D1 D2 และD3

               
อธิบาย DFD LEVEL 1 Of  Process 2
Process 2 สืบค้นข้อมูลมีขั้นตอนการทำงานย่อยภายในทั้งหมด 2 Process ดังนี้
1. Process 2.1 ตรวจสอบรายการสินค้าเป็นขั้นคอนการตรวจสอบรายการสินค้าที่ต้องการ
                   - Process จะทำการดึงข้อมูลสินค้าจากแฟ้มข้อมูลสินค้ามาทำการประมวลผลเพื่อตรวจสอบรายการสินค้า
2. Process 2.2 แสดงรายละเอียดสินค้าเป็นขั้นตอนการแสดงผลการค้นหาข้อมูลสินค้า
                - Process จะทำการรับข้อมูลจาก Process ที่ 2.1 มาทำการประมวลผลเพื่อแสดงข้อมูลสินค้าหรือรายการที่ลูกค้าต้องการค้นหาให้กับลูกค้า

อธิบาย DFD LEVEL 1 Of  Process 3
                Process 3 สั่งซื้อสินค้าเป็นขั้นตอนที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้า มีขั้นตอนการทำงานย่อยภายในทั้งหมด 5 ขั้นตอนหรือ 5 Process ดังนี้
1. Process 3.1 ตรวจสอบข้อมูล เป็นขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ
                - Process จะทำการดึงข้อมูลลูกค้า ข้อมูลสินค้า ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลการสั่งซื้อจากแฟ้มข้อมูลดังกล่าวมาทำการประมวลผลเพื่อทำการตรวจสอบข้อมูล
2. Process 3.2 เลือกรายการสินค้าเป็นขั้นตอนการเลือกสินค้าที่ต้องการสั่งซื้อ
                - Process ทำการรับข้อมูลจาก Process ที่ 3.1 มาทำการประมวลผลเพื่อทำการเลือกรายการสินค้า
3. Process 3.3 แสดงรายละเอียดเป็นขั้นตอนที่ระบบจะทำการแสดงผลเพื่อแสดงรายละเอียด
                - Process ทำการรับข้อมูลจาก Process ที่ 3.2 มาทำการประมวลผลเพื่อแสดงรายละเอียดไปให้กับลูกค้า
4. Process 3.4 ยืนยันการสั่งซื้อเป็นขั้นตอนการทำการยืนยันการสั่งซื้อของลุกค้า
                - Process ทำการรับข้อมูลจาก Process ที่ 3.3 มาทำการประมวลผลเพื่อให้ลูกค้ายืนยันการสั่งซื้อ
5. Process 3.5 บันทึกเป็นขั้นตอนการจัดเก็บข้อมูลการสั่งซื้อของลุกค้า
                - Process ทำการรับข้อมูลจาก Process ที่ 3.4 มาทำการประมวลผลเพื่อบันทึกข้อมูลการสั่งซื้อของลูกค้าไปจัดเก็บที่แฟ้มข้อมูลการสั่งซื้อและส่งใบสั่งซื้อให้กับลูกค้า




ขั้นตอนที่ 5
การออกแบบ User Interface





ขั้นตอนที่ 6
การพัฒนาและติดตั้งระบบ


                ทีมงานได้จัดทำ เอกสารคู่มือการใช้งานโปรแกรมของระบบการผลิต เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้าใจการทำ งานของโปรแกรมมากยิ่งขึ้น โปรแกรมระบบการผลิตเป็นโปรแกรมที่ทำซึ่งประกอบด้วยระบบย่อยทั้งหมด 3 ส่วนได้แก่
1. ข้อมูลสินค้าจากแฟ้มข้อมูลสินค้ามาทำการประมวลผลเพื่อตรวจสอบรายการ
2. ประมวลผลเพื่อแสดงข้อมูลสินค้าหรือรายการที่ลูกค้าต้องการค้นหาให้กับลูกค้า
3. รายการสินค้าเป็นขั้นตอนการเลือกสินค้าที่ต้องการสั่งซื้อ


ขั้นตอนที่ 7

ซ่อมบำรุง


                การซ่อมบำรุงนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาระบบว่าระบบนั้นมีปัญหาอะไรบ้างจะอยู่ในความดูแลของผู้พัฒนาระบบมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเมื่อระบบมีปัญหาทางผู้พัฒนาระบบจะทำการซ่อมแซมระบบอย่างรวดเร็ว